เมื่อคุณดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลานาน สิ่งที่คุณต้องการคือ ความท้าทาย เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง และขยายฐานลูกค้า สิ่งที่คุณจะทำได้ก็คงหนีไม่พ้นการรีแบรนด์ ซึ่งก็ทำได้หลายวิธี อาทิ การเปลี่ยนแบรนด์ สร้างการจดจำ การพัฒนาสินค้า การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ
แล้วทำไมต้องรีแบรนด์ดิ้ง แน่นอนว่าในช่วงแรกของการทำธุรกิจ ผู้ประกอบการย่อมต้องสร้างความแปลกใหม่ ด้วยการเลือกคำ หรือประโยคยอดฮิตในช่วงนั้นๆ มาโปรโมทสินค้า แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป คำเหล่านั้นก็เชยไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว ซึ่งถ้าคิดจะรีแบรนด์ดิ้ง ก็ต้องมีกลยุทธ์ที่ดี มิฉะนั้น ผลเสียก็จะย้อนกลับมาที่คุณเอง
5 เคล็ดลับการรีแบรนด์ดิ้ง
กำหนดจุดยืนของแบรนด์
เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ก็คือ การกำหนดจุดยืนของแบรนด์ ที่จะเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ อาทิ การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย การสร้างมูลค่าให้แบรนด์ การสร้างความแตกต่าง ถ้าคุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็จะเริ่มต้นการรีแบรนด์ได้เช่นกัน
เตรียมลูกค้าของคุณให้พร้อม
ถ้าคุณไม่ต้องการให้ลูกค้ารู้สึกขาดหาย หรือขาดช่วง คุณต้องเริ่มพูดคุยกับพวกเขา ต้องมีการเกริ่นนำ หรือบอกใบ้เล็กๆ และอย่าลืมอธิบายว่าทำไมคุณถึงต้องรีแบรนด์ แล้วรีแบรนด์แล้วผู้บริโภคจะได้อะไรบ้าง
พูดคุย
การรีแบรนด์ดิ้งไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อแบรนด์ หรือเปลี่ยนโลโก้เท่านั้น แต่คุณต้องบอกให้ลูกค้ารับรู้ด้วย ทั้งกระบวนการ เบื้องหลัง และประสบการณ์ต่างๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจ
ส่งทีมงานลงพื้นที่
การลงพื้นที่จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลเพื่อนำมาวางแผนงาน การทำวิจัยจะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภค และกำหนดจุดยืนได้ง่ายขึ้น
มองภาพรวม และมองระยะยาว
คิดจะทำการใหญ่ทั้งที ก็ต้องคิดให้ดีเสียก่อน เพราะการรีแบรนด์ไม่ใช่จะทำให้ทุกปี แน่นอนว่าการรีแบรนด์บ่อยก็จะส่งผลเสียต่อแบรนด์ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้องมองการณ์ไกล มองภาพรวมที่จะเกิดขึ้น อย่าลืมว่าการรีแบรนด์แต่ละครั้งจะต้องคงอยู่กับคุณไป 5-10 ปี
